18/6/55

ชุดที่ไม่ได้ใส่


                 ในห้วงเวลา 5 - 6 เดือนที่ป่านมา จะว่าไปมันก็เหมือนกับว่ามันมีอยู่แค่ 2 วันเท่านั้นแหละ หากไม่ใช่วันที่เราสุขใจที่ได้ทำ หรือทุกข์จังที่ได้อยู่  เพราะในสองสิ่งนี้มันทำให้เราได้รู้ว่า จะโทษดง ดวงหรือเวรกรรมก็ไม่ใช่ ซึ่งจะ่ว่าไปันก็ตรงกับคำที่ใครๆ เขาก็กล่าวว่า "ทีตอนทำหนะ ทำไมไม่คิด" พอมันแย่ก็ว่าดวงซวย แต่พวกโชคดีก็ว่าง "ดวงดี" ถ้าไม่มีดวง ไม่มีโชค พวกคุณจะไม่ทำให้มันออกมาดั่งใจกันจริงๆหรือไง

            เมื่อมันมาถึงเวลานึง ที่เราต้องรับรู้ และรับมือกับการที่เราต้องแบ่งช่วงความว่างเข้าใจ และความพอใจ ให้กับใครสักคนให้เข้ามา และเข้า(มาใน)ใจ มันก็เหมือนกับการที่เราย่างก้าวเข้าไปยังห้องเรียนวิชานึง ทีชื่อวิชาอาจจะดูดีและใครๆก็สนใจใคร่รู้ แต่วิชานี้อาจจะมีเพียงแค่เขาและเราเท่านั้นที่รู้ว่าทำไงถึงจะเข้าใจ และทำไงถึงจะนั่งเรียนวิชานี้ได้ีดี แม้บางช่วงเวลาเราอาจจะออกไปเดินเล่นนอกห้องเรียน เพียงเพราะเกิดอาการเมื่อย และไม่ชิน แต่เราก็ไม่ควรหลงลืมว่าเราได้ลงหลักปักใจที่จะเรียนรู้วิชา"ชีวิตคู่" แล้ว


                   แล้วเมื่อช่วงเวลาผ่านไป ที่ล่วงเลยขั้นตอน วิธีการทำเป็นดังขนบธรรมเนียมหรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า "ภาษีสังคม" แล้ว ก็จะถึงช่วงที่เรากลับมาดูใจหรือคนของใจเราจริงๆ เพราะในช่วงเวลานั้นบางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ชีวิตคู่ที่เราตกลงปลงใจมาเรียนรุ้เนี่ย มันเหมาะกับเราหรือเปล่า บ้างก็ลองเรียนรู้โดยการอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณจากผู้คนเพื่อจะรับรู้กันแค่เรื่องของเรา บ้างก็อยู่ในที่ที่การคมนาคมหนาแน่น เพื่อความสะดวกของชีวิต แต่เมื่อเราหลบหลีกและเดินกลับมายังห้องพัก มันก็ไม่ต่างกับพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ เพราะเรื่องราวที่เกินขึ้นก่อนจะปิดประตู มันไม่ได้ตามเรามาด้วยเสมอไป และเมื่อเราเปิดประตู ก็ใช่ว่าเราจะยอมรับที่จะละทิ้ง ปล่อยวางหรือเลิกสนใจ


         ไม่มีหนทางหรือวิธีใดหรอกที่จะทำให้เราหลงลืมมันไป มันมีแต่วิธีที่ทำให้เราระลึกถึงมันอย่างสุขใจ หรือลำบากใจมากกว่า เพราะวิธีที่เราจะจัดการกับเรื่องราวที่เราเรียกว่าปัญหา มันมีเยอะก็จริงอยู่ และตัวช่วยก็มากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ใจกับสมองเราเนี่ยแหละที่จะเป็นคนจัดการมัน ซึ่งมันก็คล้ายกับการที่เรานึกถึงเรื่องราววันวาน ที่มันเป็นดังแบบทดสอบที่เราได้เฉลยมันแล้ว และพอเรากลับไปดูมัน บางทีมันก็ทำให้เรายิ้มยินดีกับคำตอบของเรา หรือรู้สึกหงุดหงิดกับข้อที่เราเลือก 



                     บางที การที่เราเรียนรู้อะไรบางอย่างอยู่ มันก็ทำให้เราละเลยบรรยากาศในห้องเรียนนั้นไว้ หลงลืมไปว่า คนข้างๆ เขาชอบบ่นกับปากกาสองแท่งที่เอาไว้แทนนักฟุตบอลในดวงใจของเขา หรือจะเป็นคนที่นั่งข้างหลังเรา ที่มักจะเอาหนังสือการ์ตูนมาอ่านจนเคยทำให้เราบ้าบอไปกับเขาอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง หรือจะเป็นกลุ่มเพื่อนๆ ที่เราเคยช่วยกันทำข้อสอบแล้วโดนทำโทษกันทั้งห้อง เพราะการที่เราเดินออกจากห้อง บางทีก็ทำให้เราลืมพวกเขาไปได้ ง่ายด้ายเสียเหลือเกิน

10/12/54

ก็ฉัน,,,, 1st

          จากภูมิลำเนาที่ถือว่าเจริญระดับนึงของประเทศไทย ทำให้รู้สึกว่า เมื่อไปอยู่ี่ที่เจริญกว่านี้มันยังอึดอัด,,
และเมื่อเจอกับคำถามที่ว่าทำไมถึงมาไกลเหลือเกิน??  ฉันคงไม่มีคำตอบในที่จะที่ทำให้ฉันดูเหมือนเด็กน้อย และก็ไม่มีคำตอบในที่ทำให้ดูเหมือนคนเจนโลก,, 
ซึ่งฉันก็ตอบไปว่า หากอยู่ที่นั่นสาขาวิชามันอาจจะตอบสนองความต้องการในกลุ่มๆนั้นๆ ก็จริงอยู่ 
แต่ฉันไม่ได้ต้องการจะทำงานที่มียูนิฟอร์มเป็นกระโปรงบานๆ เสื้อเชิ้ตที่มีลูกไม้ตรงช่วงอก ให้มันดูใสๆ ฉันก็เลยมาไกลถึงนี่!! 
           และการที่มีที่นี่ต่อให้สาขาที่เราเรียนมันจะใช้เวลา 4 5 ปีในการจบหลักสูตร และเมื่อเข้าเรียนไปในระยะแรก คุณก็จะเจอกับทเรียนแรกในห้องเรียน แต่ที่จริงแล้วเมื่อคุณตัดสินใจจะมาไกลถึงนี่ 
เมื่อนั่นแหละบทที่ 1 ของคุณได้เริ่มขึ้นต่างหาก